วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

ไหว้พระทำบุญ ในจังหวัดปทุม ด้วยมอร์เตอร์ไซร์ MSX125

ออกทริปมอเตอร์ไซค์ ไหว้พระทำบุญ ในจังหวัดปทุม ด้วยมอร์เตอร์ไซค์ MSX125

เนื่องจากช่วงนี้รู้สึกนอยด์ชีวิต หงุดหงิด ฟุ้งซ่าน ไม่มีสมาธิจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน พอดีได้หยุดวันจักรี วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2558  ก็เลยอยากจะหาที่ที่ทำให้จิตใจสงบ เลยคิดว่าจะ ออกทริปมอเตอร์ไซค์ ไปตามวัดต่างๆเพื่อทำบุญ แบบทริปสั้นๆไปเช้ากลับเย็น จากนั้นก็เตรียมอุปกรณ์นิดหน่อยกับของกินไปด้วยจะได้ไม่มีปัญหาในการไปหาของกิน แล้วก็เอาของทั้งหมดไปแพ็คกับเพื่อนคู่หู อั่งเปา MSX125
สภาพอั่งเปาก็เลยเป็นอย่างที่เห็น


สมโง่ รายงานตัวครับ /(^-^)  ก่อนออกเดินทางสมโง่ขอชักภาพซักหน่อย สำหรับอั่งเปาบรรทุกเยอะเหมือนกันเพราะในสัมภาระได้เอานม UHT ไปด้วยจำนวนหนึ่ง คิดว่าอยากเอาไปแจกเด็กๆที่มาเล่นกันตามวัดหรือตามโรงเรียน (ตอนเด็กๆผมชอบไปเล่นที่วัดประจำ ก็จะได้รับขนมจากคนที่มาทำบุญบ้างก็เลยอยากจะส่งต่อให้เด็กๆได้รับบ้าง)

เริ่มต้นเดินทางจากทะเลสาบเมืองทองหลังจากมาแวะถ่ายรูป ตอนนี้ก็เวลาประมาณ 8.07AM

ที่แรกที่ไปถึงก็คือวัดบางหลวง  Wat Bangluang  , Pathum Thani Province,  มาแบบสุ่มๆไม่ได้หาข้อมูลเลย มาทราบที่หลังว่าวัดนี้เป็นโบราณสถานตั้งแต่สมัยอยุธยา ตามรายละเอียดในรูปครับ

ด้านหลังโบสถ์มีเจดีย์ทรงรามัญดูสวยงามดีครับ

ที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือบ้านของคนที่อยู่บริเวณริมน้ำเป็นบ้านไม้ดูแล้วรู้สึกเหมือนเราย้อนเวลากลับไปเมื่อ10-20ปีที่ผ่านมา ดูเป็นธรรมชาติดีมากให้ความรู้สึกดีมาก
น้ำในคลองใส มีที่ให้อาหารปลาสวายด้วย ปลาตัวใหญ่มากเลย คิดว่าซื้อขนมปังให้ปลาซักหน่อย แต่ขณะให้อาหารปลาอยู่ก็มีหมามาขอขนมปัง จึงโยนขนมปังให้มัน มันสามารถงับขนมปังที่โยนให้ได้โดยไม่ล่วงพื้นซักชิ้น ปรบมือรัวๆ
หลังจากให้อาหารปลาในคลองแล้ว บังเอิญเดินไปเจอลุงน่าจะเป็นคนดูแลความสะอาดในวัด บอกว่าลองให้อาหารปลาด้วยขวดนมด้วยไหม ในบ่อนี่เลย ลุงแกบอกให้เทอาหารปลาใส่ขวดนมแล้วก็จุ่มหัวขวดนมลงในน้ำเดี๋ยวปลามันจะมากิน แป๊บเดียวมันมาแย่งกันดูดใหญ่เลย ก็สนุกไปอีกแบบ (^-^)

พอให้อาหารปลาเสร็จก็ประมาณ 9.00AM ก็กินข้าว จากนั้นก็ขับต่อไปเรื่อยๆ จนไปเจอวัดฉาง Wat Chang , Pathum Thani Province เป็นวัดที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา มีคนมาให้อาหารปลาเหมือนกันครับ
ในวัดมีศาลาสวยดีครับ
ด้านข้างศาลามีโบสถ์เก่า แต่ถูกล็อคไว้จึงไม่ได้เขาไปชมด้านใน แต่ดูแล้วว่าเก่าแก่แน่นอน แปลกตาตรงที่ตกแต่งจั่วเป็นต้นไม้ ไม่แต่ใจว่าตรงดอกไม้เป็นพวกกระเบื้องหรือป่าว เนื่องจากไม่เจอใครเลย จึงไม่ได้ถามประวัติของโบสถ์นี้เลย

จากนั้นก็ขับต่อไปจนถึงวัดท้ายเกาะใหญ่  Wat Thai Ko Yai ,  Pathum Thani Province


ที่มาวัดนี้เพราะดูใน Google Map มันจะเหมือนอยู่บนเกาะ แต่มาจริงวัดไม่ได้อยู่บนเกาะแต่อยู่ถัดมาออกมาอีก ส่วนบริเวณที่เป็นเกาะไม่ได้ไปเพราะอากาศร้อนมาก จะเป็นลม (T-T)

ในบริเวณวัดจะมีเจดีย์แบบรามัญ ดูสวยงามดีครับ

ส่วนถัดมาก็จะมีศาลาไม้ดูเก่าแก่มาก

เป็นรูปจากมุมใกล้ๆ

พอดีบังเอิญได้คุยกับคุณป้าเขารับเหมาทำหอระฆังบอกว่าที่นี่ ร.5 เคยเสด็จประพาสเพื่อมาทอดพระเนตร จระเข้สตาฟด้วย จึงได้ขึ้นมากราบบนศาลา (ป้าแอบบอกว่าวันหวยออกมีคนมาไหว้เยอะ แล้วก็ต้องมาตีฆ้องใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ลองตีเหมือนกัน 55)
รูปด้านหน้าศาลา มองออกไปเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนพื้นที่ที่มองเห็นลิบๆที่ยื่นมาในแม่น้ำคือพื่นที่ของเกาะ ป้าบอกว่าที่นี่เพิ่งมีละครมาถ่ายไป 2 เรื่องนะครับ ป้าแกบอกชื่อเรื่องมาแต่จำไม่ได้ ป้าแกเก่งจริงๆจำชื่อละครได้ด้วย 55+ ถ้าคุณแน่คุณอย่าแพ้ 60+

ด้านล่างเป็นรูปศาลาริมแม่น้ำสมัยที่ ร.5เสด็จ

จากนั้นก็มานั่งคุยกะคุณป้าคนเดิม ป้าบอกว่าเคยไปวัดสิงห์หรือยังเป็นวัดเก่าเหมือนกัน ดังนั้นหลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จก็เลยตั้งใจไปวัดสิงห์ แต่ระหว่างทางเจอป้ายวัดเจดีย์ทอง Wat Chedi Thong ,  Pathum Thani Province เลยลองแวะดู 

บริเวณหน้าวัดจะติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศในวัดดูเงียบสงบมาก 

ถัดเข้ามาจากบริเวณริมน้ำก็จะเป็นเจดีย์สีทองเป็นแบบรามัญอายุประมาณ 160 ปี เลียนแบบมาจากเจดีย์จิตตะกองของพม่า

แต่ที่สะดุดตาคืออันนี้ไม่แน่ใจว่าจะเรียก สถูป หรืออะไรเหมือนกันด้านบนน่าจะประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ มีตุ๊กตาแต่งกายแบบทหารพม่าด้วย ไม่รู้จะถามใครเรื่องประวัติเหมือนกันเพราะเข้าไปยังไม่เจอพระซักรูป

พอดีได้คุยลุงแก่ๆคนหนึ่งมานั่งที่ศาลา เขาถามว่าได้ไปไหว้พระหยกขาวหรือยัง ทำจากหยกจริงๆไม่ใช้หินอ่อนนะ พอได้ยินดังนั้นก็รีบไปเลย ป้ายบนศาลาไม่แน่ใจว่าเป็นภาษามอญหรือพม่า แต่ก็ไม่สนล่ะขึ้นไปดูก่อน

พอขึ้นไปก็พบพระพุทธรูปสีขาว ศิลปะแบบพม่า พระท่านยิ้มด้วย ดูแปลกตามากมาย เลยกราบขอพรไปซักหน่อย (ขอให้รวย รวย รวย สาธุ)

หลังจากที่ไหว้พระเสร็จแล้วก็มุ่งหน้าตรงไปที่วัดสิงห์ทันที  Wat Sing , Pathum Thani Province   พอไปถึงปรากฏว่าโบสถ์ล็อค ไปถามเณรก็บอกว่าไม่รู้เข้าไม่ได้ ก็เลยไปนั่งหลบร้อนที่ศาลา โชคดีที่มีครอบครัวหนึ่งเขาไปตามหลวงพี่มาช่วยเปิดโบสถ์ให้ก็เลยได้มีโอกาสได้เข้าไป หลวงพี่บอกว่าที่ล๊อคเพราะมีโจรตัดเศียรพระเคยมาตัดไปแล้วก็เลยต้องล็อคไว้ พอเข้าไปก็พบว่ามีพระพุทธรูปเก่าแก่มาก 

พอกราบขอพรเสร็จหลวงพี่ก็พามาวิหารข้างๆ เป็นวิหารมหาอุต จากที่หลวงพี่บอกว่าสมัยก่อนน่าจะไว้ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง

พระพุทธรูปด้านในเก่าแก่มากมาย

ด้านหน้าของวิหารมหาอุทจะมี โกศบรรจุอัฐิของหลวงพ่อพญากรายเป็นเจ้าอาวาสของวัดนี้
ประวัติตามที่หลวงพี่เล่าคือ หลวงพ่อเป็นพระมอญอพยพมาเพราะภัยสงครามกับน้องสาว ในการเดินทางเป็นระยะเวลานานและก็รอนแรมมาตามป่าท่านก็ไม่มีอุปกรณ์ที่จะมาโกนผม พอมาถึงบริเวณวัดนี้ก็เลยทำให้คนในหมู่บ้านไม่เชื่อถือความบริสุทธิ์ของท่าน ท่านก็เลยนำพร้าที่ถือติดมาด้วยไปที่แม่น้ำและไปอธิษฐานให้ชาวบ้านเห็นว่าถ้าท่านบริสุทธิ์จริงขอให้พร้าเล่มนี้ลอยน้ำ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงจึงทำให้ผู้คนในละแวกนั้นเลื่อมใส คำว่าพร้าในภาษามอญเรียกว่ากราย ทำให้ท่านจึงมีนามว่าพญากราย

หลังจากนั้นเรื่องราวต่างๆได้ไปถึงรัชกาลที่ 2 จึงทำให้ท่านเสด็จประพาสมาพบกับหลวงพ่อพญากราย และได้มอบเครื่องอัฐบริขาลต่างๆและได้ถวายเตียงเท้าสิงห์ให้กับหลวงพ่อไว้ด้วยครับ ได้สัมผัสเป็นบุญมือมาแล้วครับ สุดยอดจริงๆเพิ่งเคยสัมผัสของเก่าแก่ขนาดนี้ด้วยมือตัวเองเป็นครั้งแรก สำหรับทริปนี้ก็คงสิ้นสุดที่วัดนี้เพราะไปต่อไม่ไหว เพราะแดดร้อนมาก ร้อนจนปวดหัว กลับไปถึงก็กินพารา 2 เม็ดแล้วก็นอนเลยครับ สำหรับนม UHT ที่เอามาด้วยก็แจกตามรายทางครับ พวกเด็กๆ คนกวาดถนน คนเก็บขยะ คุณลุง คุณป้าที่ได้คุยด้วย ครั้งนี้ก็รู้สึกดีครับที่ได้ทำบุญ ได้แบ่งปัน มีความสุข ชีวิตดี๊ดี \(^-^)/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น